IMMOR โพรไบโอติก Set1 2

จุลินทรีย์โพรไบโอติกคืออะไร?

เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดดี ที่มีประโยชน์ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้สุขภาพดีในภาวะต่างๆ โดยเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่ดีต่อร่างกาย

พรีไบโอติกคืออะไร?

คืออาหารสำหรับจุลินทรีย์ ที่อยู่ในลำไส้ของเรา พรีไบโอติกไม่ใช่จุลินทรีย์ พวกมันเป็นส่วนประกอบของอาหารที่ร่างกายเราไม่สามารถย่อยได้ แต่จุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารของเราสามารถนำไปใช้ได้ พรีไบโอติกมักเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่พบมากในพืช เช่น หัวหอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย และข้าวโอ๊ต

เมื่อเรารับประทานพรีไบโอติกเข้าไป แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้จะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงาน ทำให้พวกมันเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวน ส่งผลให้ลำไส้ของเรามีสุขภาพดีขึ้น

จุลินทรีย์โพรไบโอติก IMMOR สูตรซินไบโอติก

จุดเด่นของ IMMOR โพรไบโอติกคืออะไร?

  1. เป็นซินไบโอติก หมายถึงมีทั้งโพรไบโอติกและพรีไบโอติกในแคปซูลเดียวกันพร้อมรับประทาน
  2. จุลินทรีย์หลักเป็นสายพันธุ์บาซิลลัส โคแอกูแลนจากอเมริกาและญี่ปุ่นที่ทนต่ออุณหภูมิและสภาวะต่าง ๆ ได้ดี รวมทั้งทนกรดและน้ำย่อยได้ดี
  3. จุลินทรีย์อีก 9 สายพันธุ์มีเทคโนโลโยการเคลือบป้องกัน 5 ชั้นเพื่อให้ทนต่อสภาวะอุณหภูมิ กรดและน้ำย่อย
  4. อย.เลขที่ 13-1-05866-5-0042
  5. บรรจุ 30 แคปซูล (แคปซูลพืช HPMC แท้)
  6. กระบวนการผลิตมาตรฐานสากล Codex GHPs / HACCP
  7. พัฒนาสูตรควบคุมการผลิตและจำหน่ายโดยเภสัชกรไทย
  8. บรรจุขวดแก้วเพื่อคงคุณภาพโพรไบโอติก

จุลินทรีย์โพรไบโอติก IMMOR มีการเคลือบ 5 ชั้น

มีจุลินทรีย์โพรไบโอติก 10 สายพันธุ์

  • Bacillus coagulans
  • Bifidobacterium bifidum
  • Bifidobacterium breve
  • Bifidobacterium infantis
  • Bifidobacterium lactis
  • Bifidobacterium longum
  • Lactobacillus acidophilus
  • Lactobacillus paracasei
  • Lactobacillus reuteri
  • Lactobacillus rhamnosus 

มีพรีไบโอติกผสมมาด้วยได้แก่

  • อินนูลิน (Inulin)
  • Galacto-oligosaccharide
  • Fructooligosaccharide

วิธีรับประทานโพรไบโอติก IMMOR 1 1

  • แนะนำรับประทานก่อนอาหารเช้า 30-60 นาที หรือช่วงท้องว่าง วันละ 1-2 แคปซูล

สำหรับคนที่เคยลังเลว่าจะเลือกโพรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี? ลองพิจารณาแบรนด์ IMMOR ดูนะคะ สั่งซื้อได้หลากหลายช่องทาง สะดวก จัดส่งไว รับสินค้าภายใน 1-2 วันค่ะ

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านทางเว็บไซต์

บทบาทของจุลินทรีย์ในลำไส้

ไมโครไบโอมในลำไส้ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์หลากหลายชนิด ทั้งชนิดที่เป็นประโยชน์และชนิดที่อาจก่อให้เกิดโทษ การรักษาสมดุลของจุลินทรีย์เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในหลายๆ ด้าน จุลินทรีย์ดีในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการ:

  • การย่อยอาหาร: ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหารบางชนิดที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้เอง เช่น ใยอาหาร

  • การสังเคราะห์วิตามิน: จุลินทรีย์บางชนิดสามารถสังเคราะห์วิตามินบางชนิดได้ เช่น วิตามินเค และวิตามินบีบางชนิด

  • การสร้างสมดุลในลำไส้: ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ไม่ดี และรักษาสมดุลของระบบนิเวศในลำไส้

แหล่งที่มาของจุลลินทรีย์ที่ดี

เราสามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารหมักดอง ซึ่งผ่านกระบวนการที่จุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลและสร้างกรดหรือแอลกอฮอล์ขึ้นมา ตัวอย่างของอาหารที่มีโพรไบโอติกได้แก่:

  • โยเกิร์ต: เป็นแหล่งที่นิยมมากที่สุด ควรเลือกโยเกิร์ตที่มีคำว่า "live and active cultures" บนฉลาก

  • คีเฟอร์ (Kefir): เครื่องดื่มนมหมักที่มีจุลินทรีย์หลากหลายชนิด

  • กิมจิ (Kimchi): ผักดองสไตล์เกาหลี

  • ซาวร์เคราต์ (Sauerkraut): กะหล่ำปลีดองแบบเยอรมัน

  • เทมเป้ (Tempeh): ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองหมัก

  • คอมบูชา (Kombucha): ชาหมัก

นอกจากนี้ ยังมีจำหน่ายในรูปแบบของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหา ซึ่งมักจะอยู่ในรูปของแคปซูลหรือผง โดยระบุสายพันธุ์และปริมาณของจุลินทรีย์ไว้อย่างชัดเจน

ข้อควรพิจารณา

การเลือกไม่ว่าจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรคำนึงถึง สายพันธุ์ (strain) และ ปริมาณ (quantity) ของจุลินทรีย์ที่ได้รับ โดยแต่ละสายพันธุ์อาจมีลักษณะเฉพาะและบทบาทที่แตกต่างกันไป การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เช่น แพทย์หรือนักโภชนาการ จะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุลินทรีย์ที่มีบทบาทสำคัญต่อสมดุลภายในร่างกาย จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยเน้นการสร้างสมดุลของระบบนิเวศในลำไส้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี.